แจกเงิน 10000 เฟสแรก พบจ่ายไม่สำเร็จถึง 37,685 ราย เผย 4 เหตุผล อดได้เงิน ส่วนคนได้เงินชี้ 75% ใช้จ่ายครัวเรือน อันดับ 1 ซื้ออาหาร-เครื่องดื่ม
วันที่ 20 ธ.ค.67 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายโครงการรวมประมาณ 14.55 ล้านคนว่า
กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางจ่ายเงิน 10,000 บาทต่อราย ให้แก่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2567 ถึงวันที่ 19 ธ.ค.2567 โดยมียอดรวมที่จ่ายเงินสำเร็จแล้ว เป็นจำนวนทั้งสิ้น 14,450,168 ราย
ในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2567 กรมบัญชีกลางสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการที่มีสิทธิ 50,228 ราย โดยประกอบด้วยการจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิที่ยังจ่ายเงินไม่สำเร็จในรอบการจ่ายเงินที่ผ่านมา และการจ่ายเงินให้แก่คนพิการที่ได้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการหรือแก้ไขข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี พบว่าในรอบการจ่ายเงินซ้ำดังกล่าว ยังมีการจ่ายเงินไม่สำเร็จ 37,685 ราย เนื่องจากสาเหตุดังนี้
1.ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายเงินไม่สำเร็จ 33,767 ราย มีสาเหตุหลักเนื่องจาก 1.ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน 30,842 ราย รองลงมาคือ 2.บัญชีเงินฝากธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหว 3.บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด 4.ไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร และเลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้องรวมกัน 2,925 ราย
2.คนพิการ จ่ายเงินไม่สำเร็จ 3,918 ราย มีสาเหตุหลักเนื่องจาก 1.ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนจำนวน 3,834 ราย รองลงมาคือ 2.บัญชีเงินฝากธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหว 3.บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด 4.เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง และไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารรวมกัน 84 ราย
“ภายหลังจากการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2567 ถือได้ว่ากระทรวงการคลังได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมายเสร็จสิ้นแล้วตามเงื่อนไขของโครงการ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ กล่าวคือ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ” นายพรชัย กล่าวว่า
ในการดำเนินโครงการฯ ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 14,450,168 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.19 ของกลุ่มเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 144,501.68 ล้านบาท และจากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับสิทธิในโครงการฯ จำนวนตัวอย่าง 31,500 ราย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า
กลุ่มเป้าหมายมีการแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาท ไปกับการใช้จ่ายของครัวเรือนเป็นหลักกว่า 75% โดยมีการใช้จ่าย 3 อันดับแรก ได้แก่
1.ซื้ออาหารและเครื่องดื่ม
2.ซื้อของใช้ในครัวเรือน
3.ชำระโดยค่าสาธารณูปโภค
ขณะที่สถานที่ที่นำเงิน 10,000 บาท ไปใช้จ่าย 3 อันดับแรก ได้แก่
1.ร้านค้าในชุมชน/ร้านขายของชำ
2.หาบเร่ แผงลอยทั่วไป/ในตลาด
3.ร้านสะดวกซื้อ/มินิมาร์ททั่วไป
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของการดำเนินโครงการฯ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการบรรเทาภาระค่าครองชีพและเพิ่มศักยภาพของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2567