ตายายกอดกันร่ำไห้ บ้าน 2 หลังไฟไหม้วอด เงินสดกว่าล้าน-ทองคำก็เอาออกมาไม่ทัน เป็นลมล้มฟุบหมดตัว เงินเก็บทั้งชีวิตหมดแล้ว
วันที่ 21 ธ.ค.67 เจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพัก หมู่ 3 บ้านสนวน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และกำลังลามลุกไหม้บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน จึงประสานดับเพลิงจาก อบต.กาบเชิง อบต.โคกตะเคียน อบต.คูตัน เทศบาล ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง และ รถดับเพลิง อบต.ตาตุม อ.สังขะ รวม 5 คัน ลงพื้นที่ดับเพลิงที่บ้านเกิดเหตุ พร้อมด้วย จนท.อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.กาบเชิง เ
ที่เกิดเหตุพบเพลิงลุกไหม้บ้าน 2 ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูนอยู่อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงสกัดกั้นไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง เปลวไฟที่ลุกโหมจึงสงบลง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้น้ำระดมฉีดดับไฟอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะบ้านไม้ใต้ถุนสูงหลังแรก ถูกเพลิงไหม้เป็นตอตะโก ซึ่งมีฟางก้อนจำนวนมากที่ถูกไฟไหม้ ท่ามกลางชาวบ้านที่มามุงดูและให้กำลังใจเจ้าของบ้าน
ขณะที่นายยม อายุ 59 ปี และนางยี อายุ 62 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ทั้ง 2 หลัง ถึงกับร้องไห้เป็นลมล้มฟุบ ชาวบ้านต้องคอยประคองและให้ดมยาดม พร้อมปลอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างเกิดเหตุ นายอำนาจ บุญคง ปลัดอำเภอกาบเชิง เป็นตัวแทนนายสุทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง และร.ต.ไพบูลย์ โพธิสมัคร เลขานายก อบต.ด่าน เป็นตัวแทนนายก อบต.ด่าน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะได้ร่วมกันหาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
จากการตรวจสอบทรัพย์สินเสียหายเบื้องต้น นอกจากจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เตียงที่นอน อุปกรณ์เครื่องนุ่งห่มและเอกสารสำคัญต่างๆ ที่ถูกเพลิงไหม้หมดแล้ว ยังพบซากเงิน เป็นธนบัตร 1,000บาท จำนวนมากถูกไฟไหม้ เหลือเพียงซากบางส่วนให้ดูต่างหน้า
เจ้าของบ้านระบุว่า มีเงินสด 9 แสนบาท ทองคำหนัก 2 บาท และมีกระปุกออมสินที่มีเงินจำนวนมากประมาณ 5-6 กระปุก ที่เอาออกมาไม่ทันและถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด ส่วนสาเหคุของการเกิดเพลิงไหม้ยังไม่ชัดเจน อยู่ระหว่างตำรวจ สภ.กาบเชิง จะสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป
นายยม เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ทั้ง 2 หลัง กล่าวทั้งน้ำตาว่า อาศัยอยู่กับภรรยา ลูกหลานไปทำงานที่กทม. ตอนเกิดเหตุเห็นควันพวยพุ่งและลุกไหม้อย่างรวดเร็วจากบ้านหลังเก่า ซึ่งตนเก็บฟางก้อนไว้ให้วัว จึงนึกขึ้นได้ว่ามีเงินสดประมาณ 9 แสนบาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และกระปุกออมสินที่เก็บหอมรอมริบไว้ มีทั้งแบงก์พัน แบงก์ห้าร้อยที่หยอดเก็บสะสมไว้ทั้งชีวิต จากการทำไร่ทำนาและกรีดยาง ประมาณ 5-6 กระปุก อยู่บนบ้านชั้น 2 แต่ไม่ทราบว่าภรรยาเก็บไว้ตรงไหน เพราะเขาไม่อยู่บ้าน
ตนพยายามขึ้นไปหาตามตู้ตามที่ต่างๆ บนชั้นสอง ระหว่างนั้นเพลิงเริ่มลามมาติดตัวบ้านชั้นสอง ก่อนจะมีควันคละคลุ้งเต็มบ้าน ตนหายใจไม่ออก จึงตัดสินใจใช้กำปั้นทุบกระจกหน้าต่าง ออกไปทางหลังคาและกระโดดลงมาเพื่อเอาชีวิตรอด โดยมีเพื่อนบ้านยกแคร่มารองให้ตนกระโดดลงมา มือตนก็บาดเจ็บ
“รู้สึกเสียใจมาก ไม่เหลืออะไรแล้ว เงินทองที่เก็บมาทั้งชีวิตวอดหายไปกับตา เงินสดก็เตรียมไว้ไปจ่ายค่ารถไถที่จองไว้แล้วแสนกว่าบาท ไม่รู้จะดำเนินชีวิตยังไงต่อ แต่ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ เห็นเด็กหลายคนวิ่งเล่นออกมาจากบ้านเก่าหลังแรกที่เก็บฟาง ไม่นานก็เห็นควันพวยพุ่งออกมา แต่ไม่อยากเอาเรื่องเด็กๆ ถือเป็นเวรเป็นกรรมของตัวเอง”