ความคืบหน้ากรณี กระทรวงการคลัง โดย กรมบัญชีกลาง แจกเงินสด 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงการแจกเงินดิจิทัล เฟส 3 ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. – มิ.ย. 2568
ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่เกินช่วงตรุษจีน 2568 สามารถเติมเงินสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ได้ โดยเป็นผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเปราะบางเช่นกัน ไม่ใช่ว่าผู้สูงอายุทุกคนจะได้ แต่ต้องเป็นผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ มีการตรวจสอบสิทธิครบถ้วน และไม่ใช่กลุ่มที่ได้เงิน 10,000 บาทในเฟสแรกไปแล้ว
เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ค่อนข้างลำบาก เพราะมีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินในบัญชีธนาคารไม่เกิน 5 แสนบาทตามที่กำหนดไว้ โดยโอนเงินสดเหมือนเดิม จำนวน 4 ล้านราย ใช้งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
คุณสมบัติผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท เฟส 2
– กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป (เป็นกลุ่มเปราะบาง) ต้องเป็นผู้ที่ “ลงทะเบียนแอปทางรัฐ” เท่านั้น
– คนไม่ลงทะเบียน Super App ทางรัฐหมดสิทธิทันที
– ตัดสิทธิคนที่ได้รับเงินเฟสแรกไปแล้ว
– ไม่มีรายได้เกิน 840,000 บาท/ปี
– ไม่มีเงินฝากทุกบัญชีเกิน 5 แสนบาท
– ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
– ไม่เป็นผู้ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
– ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
– จ่ายเงินก่อนตรุษจีน 2568 (29 ม.ค. 2568)
สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 จะใช้วงเงินที่เหลืออีก 1.4 แสนล้านบาท รัฐบาลคาดจะเริ่มได้ช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน 2568 หลังจากทดสอบระบบดิจิทัลวอลเลตเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยกลุ่มนี้จะได้รับเงิน 10,000 บาท ในระบบดิจิทัลวอลเลตเท่านั้น จะไม่มีการแจกเป็นเงินสด
ส่วนการลงทะเบียนในรอบกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่ ยังมีผู้ที่ลงทะเบียนไว้ และยังไม่ได้รับเงิน 17.5 ล้านคน แต่กระทรวงการคลังระบุว่าจะใช้งบประมาณในเฟส 3 จำนวน 1.4 แสนล้าน ถ้าจ่ายรายละ 10,000 บาท จำนวนงบประมาณที่ตั้งไว้อาจไม่เพียงพอหรือไม่ ยกเว้นว่าอาจจะมีจำนวนคนที่ซ้ำซ้อนกันใน เฟส 1 และ 2 หรือมีประชาชนบางส่วนอาจไม่ขอรับเงินดังกล่าว