สืบนครบาล รวบเครือข่ายยาเสพติด เอิร์ธ ยึดยาไอซ์ 390 กิโลกรัม อ้างรับขนเพื่อกระจายกรุงเทพฯปริมณฑล

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568เวลาประมาณ 02.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย และ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ, พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้อหาร้ายแรงให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมและจับกุมผู้ต้องหา นายวีรชนม์ อายุ 20 ปี ภูมิลำเนา ตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาณจนบุรี ผู้ถูกจับกุม พร้อมด้วยของกลาง 1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) บรรจุภัณฑ์ถุงสีเหลืองดำ จำนวน 390 ถุง ถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม น้ำหนักรวมทั้งหมด ประมาณ 390 กิโลกรัม 2.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ REALME รุ่น C13 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง 3.รถยนต์ยี่ห้อ มิสซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีขาว จำนวน 1 คัน/กุญแจ

โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ยาไอซ์ ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” สถานที่จับกุม บริเวณรินถนน ซอยสะเเกงาม 12 เเขวงเเสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ในการจับกุม ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้จับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยภายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและทำการสืบสวนขยายผลเรื่อยมา จนได้ข้อมูลว่ามีนายเอิร์ท ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติด โดยใช้รถยนต์ มิสซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีขาว ซึ่งจะได้นัดรับส่งยาเสพติดบริเวณ แถวย่าน ประชาอุทิศ 90 อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ในวันที่ 16ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้สั่งการให้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตุการณ์บริเวณริมถนน ประชาอุทิศ 90 อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และบริเวณใกล้เคียง

ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.2568ช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่บริเวณริมถนน ประชาอุทิศ 90 อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และบริเวณใกล้เคียง ได้พบความเคลื่อนไหวของรถยนต์มิสซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน กง 2064 ปัตตานี บริเวณ เข้าซอยเปลี่ยวแถว ถนนประชาอุทิศ 90 อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ แล้วได้หายไปเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ชม. แล้วได้พบรถยนต์คันดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งได้ขับมาจอดบริเวณ เซเว่น ประชาอุทิศ 90 อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ แล้วเคลื่อนออกไปมุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมในการรับยาเสพติด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สะกดรอยติดตามเรื่อยมา จนกระทั่งพบ รถคันดังกล่าวได้จอดบริเวณรินถนน ซอยสะเเกงาม 12 เเขวงเเสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โดยมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะเป็นการนัดรับ-ส่งยาเสพติด จึงได้ทำการแสดงตัวเข้าจับกุมตัว นายวีรชนม์ สิทธิประเสริฐ อายุ 20 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 390 กิโลกรัม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ยาไอซ์ ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ให้ทราบและนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางมาดำเนินคดีและขยายผลตามกฎหมาย และนำส่งพนักงานสอบสวน บช .ปส.ต่อไป

จากการสอบถาม นายวีรชน ชื่อเล่นเอิร์ธ อายุ 20 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดี มีรายได้เดือนละประมาณ 12,000 บาททำงานได้ประมาณ 3 ปี เกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี ย้ายมาอยู่แถวบางกรวยจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่อายุประมาณ 10 ปี มาอยู่กับแม่ โดยพักอาศัยเช่าอยู่ที่นิรันดร์คอนโดบางกรวย ในซอยวัดลุ่มพัฒนา ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี โดยการลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้ จะได้ค่าจ้างหลังจากส่งยาเสร็จ จะได้ค่าจ้างประมาณ 100,000 บาท

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่าคดีนี้ชุดสืบนครบาลขยายผลมาจากเครือข่ายรายย่อย โดยใช้เวลาติดตามมากว่า 90 วัน ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., และพล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ยุทธการตัดวงจรหัวจ่ายเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยาไอซ์ เป็นยาเสพติดประเภท 1 ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ซึ่งมีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนคือ ทำให้ผู้เสพ รู้สึกกระวนกระวาย วิตกกังวล เสพติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลให้เกิดอาการประสาทหลอน หวาดระแวง ซึ่งอาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเองและผู้อื่นได้

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ ทีมข่าว กรุงเทพมหานคร รายงาน