คลังเลื่อนเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ยอมรับไม่ทันเดือน มี.ค. 68 ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ทันภายในปีงบประมาณ 2568
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้า การเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ว่า คณะอนุกรรมการบริหารข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการนัดหมายประชุมปลายเดือน มี.ค.นี้ พร้อมยอมรับการอาจมีความล่าช้าจากกำหนดการเดิมที่จะเปิดลงทะเบียนภายในปลายเดือน มี.ค. นี้ เนื่องจากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างผู้จัดทำระบบลงทะเบียนมีความล่าช้า แต่ยืนยันว่าจะเสร็จทันภายในปีงบประมาณ 2568
ส่วนการปรับปรุงหลักเกณฑ์คุณสมบัติผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่าจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเกณฑ์เรื่องรายได้และทรัพย์สินอย่างเหมาะสม
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 เปิดลงทะเบียนเมื่อไร?
- คาดการณ์ เปิดลงทะเบียนภายในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568)
- ล่าช้าจากกำหนดเดิม (มีนาคม 2568) เนื่องจากปัญหากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างระบบลงทะเบียน
- ไม่มีผลกระทบกับผู้ได้รับสิทธิเดิม รัฐบาลยืนยันมีงบประมาณจ่ายต่อเนื่องถึง เดือนตุลาคม 2568
คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
- เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป
- มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- รายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
- มีทรัพย์สินทางการเงิน (เงินฝาก, พันธบัตร, ตราสารหนี้) ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินเกินเกณฑ์ที่กำหนด
- ไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีหนี้กู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
- ไม่มีหนี้กู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
- ไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ ผู้รับบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง ส.ส. และ ส.ว.
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
ได้รับวงเงินช่วยเหลือรวม 1,545 บาทต่อเดือน แบ่งเป็น
- ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาท/เดือน
- ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท/เดือน
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาท/3 เดือน
- ช่วยค่าบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน
- ช่วยค่าบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
สรุปสั้นๆ
- ลงทะเบียนรอบใหม่ล่าช้า แต่เปิดแน่นอนภายในปีงบประมาณ 2568
- ผู้ถือบัตรเดิมยังได้รับสิทธิ์ต่อเนื่องจนกว่ารอบใหม่จะเปิด
- คุณสมบัติยังคงเข้มงวด โดยเน้นผู้มีรายได้น้อยจริงๆ
- ได้รับวงเงินช่วยเหลือสูงสุด 1,545 บาท/เดือน ใช้ผ่านบัตรประชาชน
