จากกรณีที่เพจ “แตก” โพสต์เรื่องราวของโชเฟอร์หื่นที่ลวนลามหญิงสาวรายหนึ่ง ขอหอม ลูบแขน จับขาผู้โดยสาร โดยพี่สาวเล่าว่าน้องสาวนั่งรถมาหาที่บ้าน เรียกคนขับรถแอปนึง น้องปักหมุดผิด จุดที่จะลงห่างจากหมุดเพียง 3 นาที น้องยินดีจะจ่ายเพิ่ม
ค่ารถ 167 ระหว่างขับไปจุดที่จะลงคนขับขอเก็บเพิ่ม 109 เท่ากับ 276 น้องบอกคนขับว่าให้ได้แค่ 200 ก่อนหน้านั้นคนขับพูดจาน้ำเสียงแย่มากๆพอถึงจุดที่จะลงมันก็ทำตามคลิป ในคลิปน้องใจเสียแล้วพยายามพูดปกติเพราะมันเอื้อมมาดึงข้อมือน้องเอาไว้อีกมือมันจับขา ก่อนจะจบคลิปมันดึงมือน้องไปดมไล่จากข้อมือมาแขน น้องก็ด่าตามคลิป
น้องถึงบ้านรีบให้ดูคลิป ร้องไห้เพราะตกใจ เรารีบเอามือถือโทรหามัน มันรับสายบอกว่าแค่ล้อเล่น เรายืนยันจะแจ้งความมันก็โทรมาร้องไห้ขอร้องให้ออกไปทำร้ายร่างกายมันแทนที่จะแจ้งความ เราไม่แน่ใจว่ามันไปทำแบบนี้กับใครมั้ย ถ้าคนที่ไม่กล้าพูดมันจะทำไม่ดีกว่านี้รึเปล่า มันน่ากลัวมากๆ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ สัมภาษณ์ นางสาว ปัณณภัสสร์ อายุ24ปี พี่สาวของน้องส้ม อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวานช่วงเวลาประมาณ 8 โมง น้องสาวตนมาถึงบ้านด้วยท่าทางหวาดกลัวเหมอลอยและมีอาการสั่น บอกให้ช่วยดูที่คลิปที่น้องถ่ายมาหน่อย ซึ่งน้องได้นั่ง โบ๊วมาจากสุขุมวิทมายังวัดสน ย่านสุขสวัสดิ เมื่อมาถึง แต่กลับเลยหมุดที่ปักไว้ ซึ่งจากเดิมซอยสุขสวัสดิ์ 35 เลยไป 35/1 จึงได้ขอโทรศัพท์น้องไปเพื่อดูหมุดที่ปักไว้และไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้น้องของตน และโชเฟอร์คนดังกล่าวยังกล่าว”ชมน้องว่าน่ารักและสวยนะ”
จากนั้นน้องก็ขอโทรศัพท์คืนอีกครั้งนึงเพิ่งโชเฟอร์ก็ยอมคืนและได้ขับออกมาครั้งหนึ่งและได้ขอเก็บเงินเพิ่มเป็นจำนวนเงิน 109 บาท น้องของตนจึงไม่ยอมที่จะให้เงินเพิ่มจำนวนเงินดังกล่าวเพราะดูแล้วมันจำนวนเงินรวม 276 บาท ให้ได้เพียงแค่ 200 บาท เมื่อจะถึงจุดที่ส่งโชเฟอร์คนดังกล่าวกลับเอื้อมมือมาจับแขนน้องและดมแขนน้องของตนและยังใช้มือลูบขา โดยขนาดนั้นโชเฟอร์ดังกล่าวได้ล็อครถไม่ให้น้องของตนลงจากรถได้ ซึ่งขณะนั้นน้องของตนได้หัวเราะซึ่งตอนได้ไปอ่านในคอมเม้นต์บางคนคิดว่าทำไมน้องของตนถึงหัวเราะ สาเหตุเพราะว่าช่วงนั้นน้องรู้สึกกลัวมากจึงต้องทำการแกล้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน ด้วยความกลัว
จากนั้นน้องได้ลงจากรถมาได้ก็ได้มาหาตนและมาบอกเรื่องราวดังกล่าว กระทั่งตนได้โทรศัพท์กลับไปหาโชเฟอร์คนดังกล่าวไปต่อว่า โดยโชเฟอร์คนดังกล่าวได้โทรกลับมาขอโทษ พูดไปร้องไห้ไป และบอกตนออกไปทำร้ายเขาก็ได้แต่อย่าแจ้งความเลย หลังจากนั้นก็ได้ตัดสายไปและโชเฟอร์ดังกล่าวก็ยังโทรมาอีก2-3สายซึ่งตนก็ไม่รับสาย
โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวน้องของตนก็ยังมีอาการหวาดกลัวและลบแอพพลิเคชั่นดังกล่าวทิ้งไป แต่ณปัจจุบันนี้น้องก็มีอาการที่ดีขึ้นเนื่องจากพอตนโพสต์ไปแล้ว ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจึงทำให้น้องรู้สึกดีขึ้นเหมือนกับไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง
ทั้งนี้หลังจากที่ตนเลิกงานวันนี้ก็จะเดินทางไปแจ้งความ ที่ สน. ราษฎร์บูรณะและยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับโชเฟอร์คนดังกล่าวให้ถึงที่สุดและให้โชเฟอร์คนดังกล่าวออกมารับผิดชอบด้วยกับสิ่งที่ทำไว้
