วันนี้ (27 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก “หมอแล็บแพนด้า” ได้โพสต์เตือนถึงการแพร่ระบาดของ “โรคอีดำอีแดง” ที่เกิดขึ้นในบางโรงเรียน รวมถึงมีการประกาศหยุดเรียนในบางพื้นที่แล้ว
ในประกาศระบุความว่า “เนื่องจากนักเรียนระดับอนุบาลปีที่ 1/3 , 1/4 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 , 4/4 , 4/6 ได้รับการยืนยันว่าป่วยเป็นโรคไข้อีดำอีแดง ศูนย์บริการสาธารณสุข 2 สะพานสาม เทศบาลนครสมุทรปราการ จึงเสนอให้โรงเรียนดังกล่าวทำการหยุดการเรียนการสอน เพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยจะกลับมาเปิดการเรียนอีกครั้งในวันที่ 3 มีนาคมนี้ หากนักเรียนท่านใดพบอาการไข้สูง ตัวร้อน เจ็บคอ ลิ้นนูนแดงคล้ายสตรอว์เบอร์รี ให้ผู้ปกครองรีบนำพบแพทย์เพื่อนตรวจอาการ”
สำหรับ “ไข้อีดำอีแดง” (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี โดยแบคทีเรียชนิดนี้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว
เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่าน :
• การไอหรือจาม
• การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก
• การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
อาการ
• มีไข้สูง
• เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล
• ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก
• ลิ้นแดงเป็นปุ่มๆคล้ายสตรอเบอร์รี่
• อาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง
***ผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ
เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งถ้าไม่รักษาอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติก หรือหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้
ถ้าพบการระบาดก็ควรให้หยุดเรียนหรือแยกตัวเด็กป่วยออกจากคนอื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไปนะครับ
ขอบคุณข้อมูล : เพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า
