จำนนต่อหลักฐาน! จับสึกพระดัง ขืนใจลูกศิษย์สาว
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.บุรีรัมย์ ความคืบหน้ากรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ภรรยาของชาวต่างชาติ ร้องเรียนผ่านมูลนิธิเป็นหนึ่งว่า ถูกพระวิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี เจ้าของสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นเพียงสถานปฏิบัติธรรม ไม่ใช่สำนักสงฆ์ตามคำกล่าวอ้าง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยพระวิชัยได้ลงมือข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เอ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์
ต่อมา น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง มูลนิธิเป็นหนึ่งได้เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงจนทราบว่า ในเชิงลึกจากภรรยาชาวต่างชาติและหลักฐานประกอบอื่นๆ อาทิ ภาพจากกล้องวงจรปิดและคลิปวิดีโอที่ฝ่ายหญิงแอบถ่ายไว้ ได้ยินเสียงของพระวิชัยพูว่า “ไม่ท้องหรอก” จึงเชื่อได้ว่าพระวิชัยได้กระทำการดังกล่าวจริง
จากนั้น น.ส.ชลิดาได้มีการประสานไปยังสำนักพุทธฯ ตัวแทนคณะสงฆ์ โดยพระครูปทุมธรรมานุรักษ์ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองบุรีรัมย์, กอ.รมน.และตำรวจ สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง เพื่อเข้าตรวจสอบร่วมกันและเดินทางไปที่สถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว
จากการตรวจสอบเป็นสถานที่เอกชน ก่อสร้างคล้ายกุฏิพระ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ พบพระวิชัยและญาติของพระมาร่วมตั้งเก้าอี้พูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพระวิชัยได้โต้ทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้มีการล่วงละเมิด ยอมรับว่าไปรับที่สนามบินจริง เพราะ น.ส.เอไม่รู้เส้นทาง โดย น.ส.ชลิดาพยายามถามหลายครั้งถึงประโยคที่พระวิชัยพูดในคลิปที่ฝ่ายหญิงถ่ายไว้ว่า “ไม่ท้องหรอกเชื่อดิ” แต่พระวิชัยยังคงปฏิเสธ
จนกระทั่งมีการเปิดภาพกล้องวงจรปิดที่ได้จากรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งฉายให้เห็นพระวิชัยที่สวมใส่ชุดฆราวาสเข้าไปในห้องพร้อม น.ส.เอ จากนั้นประมาณ 30 นาที พระวิชัยจึงขับรถออกไป ทำให้พระวิชัยจำนนต่อหลักฐานและยอมสึกในที่สุด
พระครูปริยัติธรรมนิเทศก์ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการสอบถามพระวิชัย พยายามเลี่ยงทุกประตู จึงแจ้งไปว่าพร้อมให้ความเป็นธรรมกระทั่งมีคลิปโผล่ออกมาจึงจำเป็นต้องสึก ส่วนสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้จะต้องสั่งปิดเป็นการถาวร เพราะไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากสำนักพุทธฯ
ด้าน น.ส.ชลิดากล่าวว่า จริงๆ แล้วตนได้หลักฐานภาพกล้องวงจรปิดมาก่อนแล้ว แต่อยากรู้ว่าพระวิชัยจะแก้ข้อกล่าวหาอย่างไร หลังจากนี้ต้องปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการต่อไป